ผลงานภาพวาดชุดเทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9
ผลงานภาพวาดชุดเทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9
อาจารย์สมศักดิ์ รักษ์สุวรรณ
ภาพชุดเทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นภาพที่วาดขึ้นจากสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเครือซีพีตั้งใจเทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 ผู้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ เป็นแบบอย่างของพระมหากษัตริย์ที่ยึดมั่นในทศพิธราชธรรม ทรงรักและดูแลราษฎรเสมือนลูกของพระองค์ ผ่านพระราชกรณียกิจมากมาย เพื่อให้ประเทศชาติบ้านเมืองสงบสุข มั่นคง อาณาประชาราษฎร์อยู่เย็นเป็นสุข ดังพระปฐมบรมราชโองการที่ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” เป็นที่ประจักษ์ทั้งชาวไทยและชาวโลก
ตลอดระยะเวลาครองราชย์ 70 ปี ทรงประกอบพระราชกรณียกิจในการดูแลทุกข์สุขของประชาชน เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรไปทุกแห่งหนของแผ่นดินไทย เพื่อขจัดความทุกข์ยาก นำความผาสุก ความเป็นอยู่ที่ดีสู่ราษฎร ด้วยพระบุญญาธิการ พระปรีชาสามารถ สายพระเนตรอันยาวไกล อุทิศพระองค์เพื่อประโยชน์สุขของราษฎรและความเจริญพัฒนาของประเทศชาติตลอดเวลา โดยมิได้คำนึงประโยชน์สุขส่วนพระองค์
ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนา ทรงริเริ่มโครงการพระราชดำรินานัปการกว่า 4,700 โครงการ ทั้งการแพทย์ การศึกษา การสาธารณสุข การเกษตร การชลประทาน การพัฒนาที่ดิน การพระศาสนา การสังคม วัฒนธรรม การคมนาคม ป่าไม้ ตลอดจนการเศรษฐกิจ เพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรทั้งในเมืองและชนบท เพื่อให้ประชาชนชาวไทยหลุดพ้นจากความยากจน ยกระดับคุณภาพชีวิต เข้าถึงระบบสาธารณสุข การศึกษา ตลอดจนการรักษาดูแลทรัพยากรธรรมชาติ มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยเฉพาะเรื่องของเกษตรกรรม ทรงเป็นแบบอย่างของการพัฒนาภาคเกษตรกรรม ทั้งด้านการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ การประมง เพื่อให้ประชาชนคนไทยมีพืชพันธุ์ธัญญาหารที่อุดมสมบูรณ์ ดังคำที่ว่า ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว รวมทั้งการสร้างนวัตกรรมเช่นโครงการฝนหลวง โครงการกังหันชัยพัฒนา งานวิจัยเรื่องข้าว
โปรดเกล้าฯ พระราชทานแนวคิดและทฤษฎีที่มีคุณค่า เป็นมรดกให้คนไทยทุกคนสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างพอเพียงและยั่งยืนด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ ซึ่งไม่เพียงเป็นมรดกของคนไทย แต่ยังเป็นมรดกที่พระองค์พระราชทานไว้ในโลกใบนี้ ถือเป็นมรดกของมวลมนุษยชาติ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล บรรดาประเทศต่าง ๆ และองค์การระหว่างประเทศ ต่างน้อมนำเอาหลักคิดโดยเฉพาะหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่พระองค์คิดค้น พัฒนา มาต่อยอด และนำไปปฏิบัติสู่เป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลกที่กำลังเผชิญกับปัญหามากมาย
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงสร้างคุณูปการให้กับประเทศชาติและประชาชนมากมายมหาศาล ทำให้เครือซีพีที่เกิดและเติบโตบนแผ่นดินไทยมาแต่ยุคเจียไต๋จนถึงปัจจุบัน ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร เครือซีพีตระหนักและมุ่งมั่นที่จะเดินตามรอยใต้เบื้องพระยุคลบาท ยึดมั่นพระองค์เป็นต้นแบบของการดำเนินชีวิตและการดำเนินกิจการด้านการเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร เพื่อให้คนไทยมีอาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์ โดยเครือซีพีได้ยึดมั่นในปรัชญา 3 ประโยชน์ ที่ยึดประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อประชาชนมาก่อนประโยชน์องค์กรในการดำเนินกิจการ ตามรอยพระองค์ท่านเสมอมา
เครือซีพียังได้สนองงานในโครงการพระราชดำริ โครงการส่วนพระองค์ในพื้นที่ต่าง ๆ รวมทั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดําริ เพื่อแบ่งเบาพระราชภาระของพระองค์ท่าน ทั้งทางตรงและทางอ้อม เข้าไปส่งเสริมให้ประชาชนคนไทยและเกษตรกรมีอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนและเกษตรกร ผ่านโครงการด้านการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ต่าง ๆ
เครือซีพีได้เข้าไปดำเนินการด้านปศุสัตว์ น้อมเกล้าถวายโรงเรือนไก่ไข่ ไก่เนื้อ พันธุ์สุกร อาหารเลี้ยงสัตว์ในโครงการส่วนพระองค์ โครงการพระราชดำริ รวมทั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดําริเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีการเลี้ยงสัตว์สู่เกษตรกร
น้อมนำแนวพระราชดำริเรื่องน้ำจากการเลี้ยงกุ้ง จนสามารถพบวิธีการเลี้ยงกุ้งในระบบปิดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และถ่ายทอดให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งสามารถเลี้ยงกุ้งได้อย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือโครงการพัฒนาปลาทับทิมที่พัฒนามาจากปลานิล ปลาพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 9 ทางเครือซีพีก็สนองพระราชดำริทำโครงการพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์ จนได้สายพันธุ์ปลาที่สามารถเลี้ยงได้ดี ได้รับพระราชทานชื่อว่า “ปลาทับทิม” กลายเป็นปลาเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ เป็นต้น
ภาพชุดนี้จึงเป็นการเทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีพระราชกรณียกิจมากมายต่อบ้านเมืองและพสกนิกรชาวไทย เป็นต้นแบบของการทำงานเพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ทรงเป็นหลักชัยและศูนย์รวมจิตใจของคนไทย ซึ่งเครือซีพีมุ่งมั่นเดินตามรอยใต้เบื้องพระยุคลบาท รวมทั้งบทบาทของเครือซีพีในการดำเนินกิจการบนปรัชญา 3 ประโยชน์ คือ ที่มีประเทศชาติและประชาชนนำ รวมทั้งการมีส่วนในการสนองงานในโครงการพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อแบ่งเบาพระราชภาระของพระองค์ พร้อมยกย่องเทิดทูนพระองค์ตลอดไป
เบื้องหลังการสร้างสรรค์ผลงาน
อาจารย์สมศักดิ์เล่าถึงเบื้องหลังของการสร้างผลงานชุดเทิดพระเกียรติและพระราชกรณียกิจในหลวงรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10
โดยใช้เวลาในการเก็บข้อมูลอยู่หลายเดือน และทำแบบครั้งที่ 1ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 พบท่านประธานอาวุโส 3-4 ครั้ง ไปให้ท่านประธานอาวุโสดู หลังจากนั้นก็พบท่านอาจารย์ ดร.อาชว์ และคุณวิเศษ ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอด ช่วยให้ข้อมูลต่างๆ รายละเอียดหลายๆ อย่าง
สำหรับภาพชุดในหลวงรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ผมเริ่มงานนี้ที่สตูดิโอของผมที่พุทธมณฑล สาย 6 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 และมาจบเดือนสิงหาคม 2564 ประมาณ 10 เดือน ทุกขั้นตอนเรียบร้อย แม้แต่ไม้ทำกรอบรูปไม่มีการใช้ตะปู ใช้เดือยหมด ทีแรกจะใช้ไม้สัก แต่ไม้สักหนักเกินไป และไม้อยู่ด้านในไม่จำเป็นต้องใช้ไม้สัก จึงสั่งไม้สนจากต่างประเทศมา แล้วลงเดือย เบาแต่แข็งแรง ถือว่าเนี้ยบเหมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่ง หุ้มด้วยแคนวาสผ้าลินิน เป็นผ้าลินินอย่างดี และสีใช้เกรดดี ยี่ห้อดี สีเกรดอาร์ทติสของฝรั่งเศสบ้าง ของฮอลแลนด์บ้าง ของอังกฤษบ้าง มีตั้งแต่ซีรีส์ 1 ถึง 7, 8 ใช้น้ำยาล้างพู่กันอย่างดี และวานิชยี่ห้อดี และรูปก่อนที่จะมาติดตั้ง ได้ลงวานิชเคลือบ 2 รอบพร้อมติดตั้ง พอเคลือบวานิชแล้วจะดูชุ่มฉ่ำและมีมิติลึกเข้าไปอีก สีจะชุ่มฉ่ำทั้งรูป เหมือนกันหมด ชุดละ 5 ชิ้นและผ้าเป็นผ้าม้วนเดียวกันหมด รูปที่เห็นเป็นทรงสูง หน้ากว้าง จะซื้อผ้าใบหน้ากว้างมาวางแล้วก็ห่อไว้
รูปแต่ละชุดสูงขนาดนั่งร้าน 3 ชั้น โดยอาจารย์เริ่มทำงานตั้งแต่ภาพที่อยู่บนสุดก่อน ตามมาด้วยชั้นกลาง และชั้นล่าง ชั้นที่วาดง่ายสุดคือชั้นกลางเพราะนั่งง่าย วาดสบาย ชั้นบนก็ง่าย แต่ชั้นยากสุดคือชั้นที่ติดพื้น นั่งก็ไม่ได้ ต้องนอนวาด ทำให้ปวดหลัง อาจารย์บอกว่าปกติทำงานที่ไหน จะทำงานเต็มที่ทุกงานเหมือนกันหมด แต่สำหรับที่ทำมาติดที่สถาบันผู้นำมีลักษณะพิเศษ เพราะสิ่งแวดล้อมของที่นี่ ทั้งอินทีเรีย ทำให้สิ่งที่ใช้ในการสร้างงานต้องพิถีพิถัน เพราะสิ่งแวดล้อมที่นี่มีรายละเอียดสวยงาม เพราะส่วนหนึ่งนอกจากเป็นการเทิดพระเกียรติ แต่อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเรื่องการตกแต่ง อินทีเรียต้องเข้ากับสิ่งแวดล้อมของสถานที่ กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องราวเดียวกัน ต้องกลมกลืน สวยงาม และที่นี่มีบัวเป็นกรอบรูปได้สวยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเอาภาพไปครอบบัว กลับกันบัวกลายเป็นกรอบรูป สวยอยู่แล้ว
สำหรับรูปในหลวงรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 อาจารย์เลือกรูปในหลวงที่สง่างามที่สุด พระองค์ท่านมีประสบการณ์ มีความรู้ เป็นยุคที่ทรงงาน ได้ตัดสินใจได้เด็ดขาด และเป็นยุคที่พระองค์ท่านมีเมตตา พระองค์ท่านสง่างาม ทั้งภูมิปัญญา ทั้งประสบการณ์ ทั้งตัวฟิกเกอร์ของพระองค์ท่าน รูปนี้ถือว่าพระองค์ท่านสูงสุด ทำงาน สมบูรณ์แบบ และที่สำคัญอีกประการที่อาจารย์เลือกรูปนี้คือ สิ่งแวดล้อมของสถานที่แห่งนี้ซึ่งเหมือนกับวัง เป็นศิลปะยุโรป มีตู้ มีชินนาเรีย มีโคมไฟ คล้ายกับวัง จึงเลือกรูปที่พระองค์ทรงแต่งตัวเต็มยศเพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ รูปสวยที่สุด เต็มยศที่สุด และสถานที่ที่นี่ก็เต็มยศ และเรื่องราวของรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 เต็มยศ พอนำมาติด ทุกอย่างลงตัวหมด สง่างาม
ต่อจากนั้นก็เป็นภาพเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ ก็ส่งภาพไปให้ท่านประธานอาวุโส ท่านก็มีเกร็ด เล่าให้ฟังว่าหมูของซีพีมีความพิเศษกว่าหมูที่อื่นนะ หมูต้องสีชมพู ต้องสวยอะไรทำนองนี้ แล้วสุดท้ายไปดูก็ใช่จริงๆ หมูของซีพีสีชมพูจริงๆ ท่านก็ให้เกร็ดพวกนี้ ท่านมีประสบการณ์ แล้วตามมาด้วยภาพไก่ การเลี้ยงไก่ ท่านประธานอาวุโสก็ให้คำแนะนำว่าไก่ของซีพีขาว สะอาด และหงอนต้องแดง สด สวยมาก เราก็เพิ่มขึ้นมา
หรือในเรื่องของน้ำ เรื่องการเลี้ยงกุ้ง จะมีภาพกุ้ง ท่านประธานอาวุโสก็แนะนำอันหนึ่งว่า กุ้งต้องใส ปิ๊ง กุ้งต้องขาว ใส เห็นข้างใน ท่านประธานอาวุโสพูดมาตอนแรกผมก็ไม่ได้นึกอะไร แต่พอไปเริ่มเรียนรู้จริงๆ ก็เห็นใสปิ๊งอย่างที่ท่านว่า ผมก็ไปหากุ้งอย่างที่ท่านประธานอาวุโสพูดมา แต่หาไม่ได้ ก็เข้าไปศึกษาที่โลตัสกับแม็คโคร ไปได้มากิโลหนึ่งที่แม็คโคร กุ้งขาว มี 2 ขนาด กุ้งใหญ่กับกุ้งเล็ก ก็ผสมผสานกัน แต่พออยู่ในน้ำ น้ำสะอาด เพราะเลี้ยงกุ้งน้ำสะอาด น้ำใส่ปิ๊ง จะออกฟ้าๆ กุ้งนี่พอใสปุ๊ป สิ่งแวดล้อมต่างๆ มันเข้าไปในตัว กุ้งก็ใส มันจะรีเฟก สะท้อนเข้ามาในตัวกุ้งเหมือนกุ้งแก้ว ใส พอยกขึ้นมาจากน้ำขาวจั๊ว ทำให้เข้าใจแล้วว่าอยู่ในน้ำ สิ่งแวดล้อมมันกลมกลืนแต่พอยกขึ้นมาขาวๆ แต่ผมก็ซื้อกุ้งจริงมาเลย ดูจากรูปไม่ละเอียดแล้วก็ถ่ายภาพเป็นช็อตๆก็มาดู ก็มาผสมผสานกัน สุดท้ายคำแนะนำของท่านประธานอาวุโสนำไปสู่เป้าหมายที่ดีกว่าเดิม สมบูรณ์กว่า และสุดท้ายเนื้อหาต่างๆ ก็ได้มาจากท่านอาจารย์ ดร.อาชว์ ที่นอกจากเป็นคนมีวิชั่น เป็นนักวิชาการ ท่านยังเป็นครู ได้ความรู้ ตักตวงรายละเอียดลึกมาก ท่านทำให้รู้สึกว่าผมได้ความรู้ ท่านช่วยกรองให้ดีที่สุดสำหรับบริษัท สุดท้ายท่านไม่ยอม ต้องให้ประธานอาวุโสดูก่อน ไม่ยอมต้องให้ท่านดูให้ท่านได้เห็น ทุกครั้งผ่านท่านอาจารย์อาชว์ก่อน กรองขั้นหนึ่งดีแล้ว ให้ท่านประธานอาวุโส ถือว่าเติมเต็ม สมบูรณ์ ท่านก็จะต่อยอดให้ ให้มีความสมบูรณ์แบบ
อาจารย์สมศักดิ์กล่าว
สำหรับเทคนิคการใช้สีของภาพชุดนี้ อาจารย์สมศักดิ์บอกว่า ภาพชุดนี้เป็นสีน้ำมันทั้งหมด คือสีอะคริลิคกับสีน้ำมันมีความใกล้เคียงกัน สีอะคริลิคผสมในน้ำ สีน้ำมันผสมด้วยน้ำมัน แต่สีน้ำมันดีกว่าตรงที่ว่ามันคลาสสิคกว่า คือคลาสสิคนี่ใช้มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับ คลาสสิคเป็นสิ่งที่ไม่ตาย ใช้ต่อเนื่องมา ไม่มีวันตาย อดีตถึงปัจจุบัน และไปในอนาคต เป็นสิ่งสมบูรณ์แบบใช้กันต่อไปเรื่อยๆ
อาจารย์สมศักดิ์ให้ข้อคิดว่า ต่อไปภาพชุดนี้จะเหมือนบันทึกทางประวัติศาสตร์ เพราะถือเป็นการเค้นเอาแต่หัวกระทิมา ในเชิงปรัชญา สุดยอด ที่ในหลวงทั้งสองพระองค์ทรงทำอะไรมา สุดยอดที่บริษัททำอะไรมา ที่เป็นเนื้อเดียวกัน เพื่อที่จะทำให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง ที่จะให้ประชาชนอยู่ดีกินดี แล้วเอาเรื่องราวเหล่านี้มาผูกเป็นเรื่อง อย่างบริษัทเจริญโภคภัณฑ์เป็นบริษัทที่เกิดขึ้นสมบูรณ์แบบที่เชื่อมโยงกับในหลวงรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 พระองค์เป็นผู้นำที่เป็นแบบอย่างที่ดี และซีพีเป็นองค์กรที่ทำเพื่อคนไทย นำมารวมกันเป็นสิ่งที่ดีงาม และต่อไปรูปซึ่งมีคุณค่าอยู่แล้ว ต่อไปลูกหลาน พนักงานมาเห็น เป็นประวัติศาสตร์ของบริษัทซีพี ที่ตั้งแต่เจียไต๋ไปจนถึงยุคท่านประธานอาวุโสพัฒนามาถึงวันนี้ และต่อไปเด็กรุ่นใหม่จะต่อยอดอย่างไร
และประวัติศาสตร์ตรงนี้ นอกจากเป็นคุณค่าทางศิลปะแล้ว ยังเป็นคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของบริษัทด้วย ก็จะหวงแหนและจะมีคุณค่ามาก ใครมาเห็นก็ไม่ต้องพูด รูปเหล่านี้จะพูด รูปจะพูดแทน
ประวัติศิลปิน
อาจารย์สมศักดิ์ รักษ์สุวรรณ
เกิดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2505
จบการศึกษาปวช. วิทยาลัยศิลปหัตถกรรม นครศรีธรรมราช และ ศบ.(จิตรกรรม) มหาวิทยาลัยศิลปากร
เป็นจิตกรชาวตรัง ผู้เปี่ยมไปด้วยความสามารถ มีผลงานแสดงในนิทรรศการศิลปกรรมมากมาย ผลงานโดดเด่นของอาจารย์เป็นภาพวาดสีน้ำมันที่สะท้อนเรื่องราวของบ้านเมือง และการแสดงออกทางความคิดแบบตรงไปตรงมา ไม่เพียงบทบาท ในวงการศิลปะ ยังเป็นทั้งอาจารย์พิเศษ และเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงต่อสถานภาพของศิลปินในประเทศโดยเป็นแกนนำในการจัดตั้งและปัจจุบันยังควบตำแหน่งเป็นถึงนายกสมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติแห่งประเทศไทย ซึ่งมีผลงานโดดเด่นคือการรวมศิลปินมาจัดนิทรรศการครั้งใหญ่ เพื่อสร้างแรงสั่นสะเทือนทางศิลปะให้เกิดขึ้นกับสังคมในวงกว้าง